เรากะเพื่อน

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

กระเจี๊ยบแดงคู่แข่งเบอร์รี่


 กระเจี๊ยบแดงจัดเป็นไม้พุ่มขนาเล็กที่มีประโยชน์มากมายทั้งในการใช้เป็นเครื่องดื่มและสมุนไพรเพื่อดูแลสุขภาพ
ส่วนที่ใช้ของกระเจี๊ยบแดงคนทั่วำปมักเรียกว่าดอกกระเจี๊ยบนั้นแท้จริงแล้วคือส่วนของกลีบเลี้ยงหรือฐานรองดอก ที่อุดมไปด้วย Anthrocyanin เป็นสารที่ทำให้กระเจี๊ยบมีสีแดง และเป็นกลุ่มเดียวกับที่พบในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่แต่ต้องบอกว่าประโยชน์ของกระเจี๊ยบเหนือกว่าหลายเท่าตัวนัก 
ไม่ว่าจะเป็นมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ป้องกันตับจากการถูกทำลาย ปกป้องไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว รวมถึงการปกป้องโรคหัวใจขาดเลือดได้ น้ำต้มกระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยวอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอสูง มีคุณสมบัติที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าขับปัสสาวะ ขับยูริค ป้องกันนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และลดความดันโลหิต
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เริ่มมีอาการความดันโลหิตสูงหรือรับประทานยาลดความดันไม่เกิน 2 ชนิด หากรับประทานกระเจี๊ยบร่วมด้วยก็มีประโยชน์ให้ควบคุมความดันโลหิตสูงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนักสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตราฐาน
จากการศึกษาในหนูอ้วนที่ได้รับน้ำต้มกระเจี๊ยบป้อนให้กินต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน พบว่าช่วยให้น้ำหนักตัวของหนูลดลงได้ โดยไม่มีผลต่อตับและไต และหากท่านเป็นผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง หรือ Metabolic syndrome (หมายถึง ผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซุลิน ภาวะอ้วน รอบลงพุง ซึ่งมักมีระดับน้ำตาลและไขมันใเลือดสูงร่วมด้วย) การรับประทานกระเจี๊ยบจะมีผลดีอย่างมาก โดยผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าการรับประทานกระเจี๊ยบต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือดทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ LDL ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย

 
วิธีรับประทานก็ใช้กระเจี๊ยบสดหรือแห้ง ราว 5-10 กรัม ต้มกับน้ำประมาน 300 ซีซี อาจใช้วิธีการชงแบบชาหรือต้มรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง
เป็นข้อมูลสนับสนุนสำหรับสมุนไพรที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพในโลกยุคดิจิตอล “กระเจี๊ยบแดง” อีกทางเลือกเพื่อการมีสุขภาพที่ดีขึ้น


ที่มา ... thai-healthcare
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น