เรากะเพื่อน

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีลดความอ้วน สำหรับสาวอยากผอม

 ปัจจุบันนี้ โรคอ้วน ได้กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม  คนอ้วนมีอัตราการเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน  สาเหตุแห่งการอ้วนมาจากหลายปัจจัย เช่น การบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไป  การขาดการออกกำลังกาย  และการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป

อาหารฟาสต์ฟู้ดในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเป็นอันมากจากผู้บริโภค ซึ่งอาหารเหล่านี้นั้นอุดมไปด้วย ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลในปริมาณสูง อีกทั้งผู้บริโภครู้สึกดีที่ได้บริโภคเพราะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตัวเองนั้นมีรสนิยมดี (ค่านิยมฝรั่ง) 

เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ คอมพิวเตอร์ เหล่านี้ทำให้ประชากรนั้นทำงานน้อยลง ได้เคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น ในอดีต เราอาศัยการเดินเท้าหรือการแจวเรือไปยังสถานที่ที่ต้องการไป เช่น วัด หรือ โรงเรียน แต่ปัจจุบันนี้ การเดินทางไปนั้นสะดวกสบายขึ้นมาก โดยการใช้รถยนต์เดินทางไป ดังนั้นเราจึงเห็นความแตกต่างของพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆเหล่านี้นั้นก็เป็นอีกเหตุปัจจัยหนึ่งในการทำให้ประชากรเพิ่มอัตราเป็นโรคอ้วนมากขึ้น

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ชีวิตประจำวันของประชากรนั้นเปลี่ยนไป จากนอนแต่หัวค่ำ ตื่นเช้า กลายมาเป็น นอนดึก ตื่นสาย แม้ว่าการนอนดึกตื่นสายนั้น จะมีชั่วโมงในการนอนเท่าเทียมกับการนอนหัวค่ำ ตื่นเช้าก็ตาม แต่ตื่นมา ในช่วยจังหวะเวลาที่ไม่ถูกต้อง กระบวนการในร่างกายทำงานผิดจังหวะ  เช่น เราควรทานอาหารเช้าไม่เกินเวลา 9.00 น. เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเข้าไปเสริมสร้างส่วนต่างๆของร่างกายในเวลาที่กระเพาะทำงานได้เต็มที่ แต่กลับกลายเป็นว่า ตื่นสายแล้วการทำงานของระบบในร่างกายรวน สิ่งต่างๆเหล่านี้จึงทำให้ร่างกายนั้นทำงานไม่เป็นระบบ และทำให้เกิดโรคอ้วน และโรคอื่นๆตามมาในภายหลัง

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ออกกำลังกาย มักเป็นข้ออ้างเสมอๆของผู้ที่เป็นโรคอ้วนว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ซึ่งถ้าเราจัดสรรเวลาในชีวิตดีๆ  เราทุกคนจะสามารถมีเวลาออกกำลังกาย เพียงแค่วันละ 30 นาที เป็นระยะเวลา 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายได้ขับของเสียออกมา ทำให้ไต ตับ ทำงานน้อยลง และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภายใน อีกทั้งกล้ามเนื้อตามร่างกาย ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถ้าเราสามารถทำตามปัจจัยต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น เราก็จะสามารถขจัดโรคอ้วนออกไปได้ และเราก็จะได้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงต่อไป

การจำกัดอาหาร การจำกัดอาหารหมายความว่า การเลือกอาหารที่เหมาะสมและจำเป็นต่อร่างกาย เช่น เราควรรับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มกากใย และ เส้นใยอาหาร เพราะกากใยอาหารเหล่านี้ ทำให้ร่างกายมีการขับถ่ายที่เป็นปกติ ทำให้ขับสารพิษออกจากลำไส้ พอสารพิษออกจากลำไส้แล้วก็จะไม่เกิดการหมักหมม ซึ่งการหมักหมมเหล่านี้คือเหตุปัจจัยในการเริ่มต้นของมะเร็งตามส่วนต่างๆของร่างกายเรานั่นเอง  การบริโภคไขมันให้น้อยลง ในร่างกายของเรานั้นมีความต้องการไขมันต่อวันเพียงปริมาณน้อยนิดเท่านั้น เราจึงควรลดปริมาณการบริโภคไขมันให้น้อยลง  การเพิ่มการรับประทานโปรตีนจากถั่ว ลดปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์ เนื่องจากเนื้อสัตว์ในปัจจุบันนี้ มีกรรมวิธีในการผลิตที่เร่งรีบมากเกินไป

วิธีการเร่งเนื้อแดง ฯลฯ ทำให้ต้องใช้สารเคมีลงไปในเนื้อสัตว์ เมื่อเราบริโภคเนื้อสัตว์เข้าไปในปริมาณมากๆ สิ่งที่ร่างกายได้รับเข้าไปด้วยนอกเหนือจากเนื้อสัตว์แล้ว ก็คือสารเคมีที่ค้างในเนื้อสัตว์ด้วย เราควรเปลี่ยนการบริโภคจากเนื้อสัตว์มาเป็นการได้รับโปรตีนจากถั่วต่างๆแทน อาหารเสริมต่างๆ เป็น

วิธีลดความอ้วน
 ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงขอให้ผู้ที่คิดจะใช้นั้น เลือกให้ดี ให้เหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายของแต่ละคน ไม่ว่าจะมีเครื่องออกกำลังกายหรืออาหารเสริมใดๆก็แล้วแต่ ที่สามารถช่วยในการลดความอ้วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหนักแน่น และการอดทน ในการลดความอ้วน เพราะว่าไม่ใช่ทุกอาทิตย์ที่น้ำหนักจะลดลง แต่สิ่งที่ได้นั้น นอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว สิ่งที่ได้อีกควบคู่ไปด้วยนั่นคือ สุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคร้ายแรงใดๆ เพราะความอ้วนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคร้ายหลายโรค ไม่ว่าจะเป็น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็งต่างๆ

ซึ่งคนอ้วนมีอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้สูงกว่าคนมีน้ำหนักทั่วไป  ข้อดีอีกอย่างคือ การลดความอ้วนทำให้ผู้ลดความอ้วนนั้นประหยัดเงิน เพราะเนื่องจากคนอ้วนนั้น ไม่ว่าจะซื้อเสื้อผ้า อาหาร จะต้องใช้จำนวนเงินมากกว่าคนที่มีรูปร่างปกติทั่วไป เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้นั้นต้องใช้จำนวนที่มากกว่า จึงต้องจ่ายแพงกว่า  นอกจากนี้แล้ว คนที่ลดความอ้วนที่ได้ผล ยังได้รับความมั่นใจจากการลดความอ้วน เพราะคนอ้วนส่วนใหญ่ ไม่มีความมั่นใจในตนเองเนื่องจากรูปร่างที่แตกต่างจากคนอื่น  สิ่งต่างๆเหล่านี้คือข้อดีที่ได้จากการลดความอ้วน ลดความอ้วนมีแต่ดีไม่มีเสีย 

เมื่อเราได้เห็นข้อดีของการลดความอ้วน และข้อเสียของการมีน้ำหนักตัวมากแล้ว เมื่อคุณอ่านจบ คุณพร้อมรึยังที่จะลดความอ้วน ก่อนที่โรคร้ายต่างๆจะถามหาคุณ เริ่มต้นลดความอ้วนเสียแต่วันนี้เถิดจะเกิดผล


วิธีลดความอ้วนง่ายๆ 8 ขั้นตอน

1.วิธีลดความอ้วนโดยการออกกำลังกาย เราควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที โดย 30นาทีแรกเป็นการเร่งการเผลผลาญของกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย การเร่งกระบวนการเผาผลาญมีหลายวิธี เช่น การวิ่ง การเดินเร็ว การว่ายน้ำ การเต้นแอโรบิค สิ่งต่างๆเหล่านี้เมื่อเราทำเป็นประจำจะทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึ่มในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

2.วิธีลดความอ้วนโดยการเลือกการบริโภคอาหาร เช่น เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก ผลไม้ ถั่วต่างๆ และงดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ ขนมต่างๆ

3.วิธีลดความอ้วนโดยการบริโภคน้ำสะอาดให้เพียงพอ วันนึงคนเราควรรับประทานน้ำให้ได้ถึงวันละ8-10 แก้วในคนปกติ แต่ในคนอ้วน ต้องดื่มน้ำให้มากกว่านั้น เพราะว่าน้ำจะเป็นส่วนที่ทำให้ไขมันของร่างกายน้อยลง เนื่องจากน้ำจะไปทำความสะอาดอวัยวะต่างๆของร่างกาย อีกทั้งการดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ผิวพรรณผ่องใสอีกด้วย

4.วิธีลดความอ้วนโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ควรพักผ่อนวันละ 6-8 ชม. ต่อวัน โดยนอนแต่หัววัน และตื่นแต่เช้ามือ เพื่อให้กระบวนการในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

5.วิธีลดความอ้วนโดยการรับประทานอาหารเช้า เพราะการรับประทานอาหารเช้าทำให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายทำงานได้อย่างดีแลเป็นปกติ

6.วิธีลดความอ้วนโดยการหากิจกรรมยามว่างทำ เช่น การอ่านหนังสือ การดูภาพยนตร์ ฯลฯ เพราะกิจกรรมยามว่างทำให้เราหันเหความสนใจไปในด้านอื่นที่ไม่ใช่อาหาร

7.วิธีลดความอ้วนโดยการสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเอง เช่น การหาเสื้อผ้าสวยๆมาแขวนไว้ดู และให้จินตนาการว่าเราสวมใส่ชุดนั้นออกมาสวยเพียงใด

8.วิธีลดความอ้วนโดยลดความเครียด เพราะความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนอ้วนขึ้น เนื่องจากพอเครียดแล้วเรามักจะหาอาหารใส่ปากเสมอๆ ดังนั้นเราจึงต้องไม่ทำตัวให้เครียด

อาหารลดน้ำหนัก



วิธีลดน้ำหนักที่ใช้ส่วนใหญ่มักมี สูตรอาหารลดน้ำหนัก บ้างก็เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ แต่บางวิธีก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าปลอดภัย และมีประสิทธิภาพหรือไม่ ในบรรดาวิธีต่างๆ ที่ใช้ควบคุมความอ้วน วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึง การปรับเปลี่ยนการกินอาหารนับเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด การทำอาหารรับประทานเองก็เป็น สูตรอาหารลดน้ำหนัก ที่ดี วิธีใช้ยาดูเหมือนว่าตอนแรกจะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่ในระยะยาวแล้ว สู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้เพราะคุมความผอมไว้ได้นานกว่า การใช้ ยาลดความอ้วน ในการ ลดน้ำหนัก ดูจะเป็นวิธีที่อันตราย ควรจะอยู่ในการควบคุมของแพทย์ การใช้สูตรอาหารลดน้ำหนักนั้นในการปรับเปลี่ยนอาหารเริ่มจาก การให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสารอาหาร พลังงานจากอาหารและชนิดของอาหารต่างๆ จุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสม สามารถคิดปริมาณพลังงานจากสารอาหารได้ และรู้หลักของ การจัดอาหารให้สมดุล
ที่มา: http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81/

อาหารสุขภาพ

เมนูสุขภาพ“น้ำพริกเผารำข้าวสกัด”


ข้าว ถือว่าเป็นอาหารหลักของคนไทยซึ่งมีประโยชน์มากมาย โดยทุกส่วนของต้นข้าวสามารถนำมาเป็นอาหารได้ เช่น รำข้าวซึ่งในอดีตเป็นอาหารสุกร หากรู้จักเอามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับมนุษย์...ก็สามารถสร้างเมนู สุขภาพได้อีกหลากหลายเมนูเลยทีเดียว

ด้วย เหตุนี้ สามสาวจากรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ประกอบด้วย น.ส.กีรติ จารุธรรมากร น.ส.ศิรินทรา มาลีบุตร และ น.ส.อรพรรณ โกมลมาลย์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ได้คิดเมนู "น้ำพริกเผารำข้าวสกัด" โดยมี ผศ.สิวลี ไทยถาวร และ ผศ.อุจิตชญา จิตรวิมล อาจารย์คอยให้คำปรึกษา

ผศ.อุจิตชญา จิตรวิมล บอกว่า "น้ำพริกเผารำข้าวสกัด"เป็นการแปรรูปที่มีคุณค่าทางอาหาร ผู้ชอบรับประทานน้ำพริกเผาและรักสุขภาพ เพราะน้ำพริกมีส่วนผสมของรำข้าวสกัด คือ เยื่อสีน้ำตาลอ่อนที่ห่อหุ้มเมล็ดข้าว ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วย โปรตีน, วิตามิน และ เส้นใยอาหาร

โดยน้ำมันที่ใช้ในการผัดจะมี สารโอรีซานอล (Oryzanol) เป็นสารธรรมชาติที่สามารถต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่า และมีประสิทธิภาพเหนือกว่า วิตามิน E ทุกชนิด ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็ง และหลอดเลือดหัวใจตีบตัน สามารถขจัดคอเลสเทอรอลที่ไม่ดี (LDL) ออกไปจากเซลล์และเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ที่มีผลทำให้น้ำหนักของร่างกายลดลง

มหัศจรรย์ พลังผัก 5 สี

สีสันของผักนอกเหนือจากจะสวยงามสะดุดตาแล้ว ผักแต่ละสีแต่ละชนิดยังมีประโยชน์ต่อร่างกายและให้คุณค่าที่แตกต่าง กันไป ขึ้นอยู่กับว่าจะชื่นชอบการบริโภคผักสีใดชนิดใด โดยหากเป็นพืชผักทั่วไปอาจจะให้วิตามินหรือโปรตีนและคลอโร- ฟิลล์บางส่วนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นพืชผักสมุนไพรคุณค่าก็จะมีมากขึ้นกว่าผักธรรมดาๆ ทั่วไป

สารสีต่างๆ ที่มีอยู่ในพืชผักนั้นมีคุณค่ามากพอๆ กับวิตามิน ซึ่งผัก 5 สีที่อาจารย์สง่านำมากล่าวเป็นตัวอย่าง ประกอบด้วย

สีเขียว ได้แก่ คะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง โหระพา กะเพรา แมงลัก สะระแหน่,

สีเหลือง/ส้ม ได้แก่ ฟักทอง,แครอต, ข้าวโพด

สีแดง ได้แก่ มะเขือเทศ แตงโม

สีม่วง ได้แก่ กะหล่ำสีม่วง

สีขาว ได้แก่ มะเขือขาวเปราะ ผักกาดขาว ดอกแค

โดย ผักสีแดง จะมีสาร Cycopene เป็นตัวพิกเมนต์ให้สีแดงในแตงโม มะเขือเทศ สาร Betacycin ให้สีแดงในลูกทับทิม บีตรูต และแคนเบอร์รี่ สารทั้งสองอย่างนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxydants ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิด

ผักสีส้ม หรือ สีเหลือง ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินที่มีศักยภาพด้านการต้านอนุมูลอิสระอันเป็น ตัวก่อมะเร็ง คนผิวขาวที่กินมะละกอหรือแครอตมาก ผิวจะออกสีเหลืองสวย ช่วยลดระดับคอเลสเทอรอล หรือหากกินมะละกอห่ามมากๆ นานถึง ปีอาจจะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลย กรณีของข้าวโพดจะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น

ผักสีเขียว ซึ่งพิกเมนต์คลอโรฟิลล์จะเป็นสารที่ให้สีเขียวแก่ผักต่างๆ ผักที่มีสีเขียวเข้มมากยิ่งมีคลอโร-ฟิลล์มาก เมื่อคลอโรฟิลล์ถูกย่อยแล้วจะมีพลังแรงมากในการป้อง กันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ในตัวคนอีกด้วย
ผักสีม่วง พืชผักสีม่วงมีสารแอนโทไชยานิน สีม่วงในดอกอัญชัน กะหล่ำปลี ผิวเข้ม ชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือ ม่วง สารสีม่วงนี้จะช่วย ลบล้างสารที่ก่อมะเร็ง และสาร
Anthocyanin นี้ยังออกฤทธิ์ทาง ขยายเส้นเลือดช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและอัมพาตได้ดี
ผักสีขาว โดยเฉพาะดอกแคนั้นมีกันแทบทุกครัวเรือน ยอดแคมีเบตาแคโรทีนสูงมาก ดอกแคมีวิตามินซี ช่วยแก้หวัดได้ดี แถมยังช่วยให้ผิวสวย อย่าลืมดึงเกสรออกก่อนนำไปลวกหรือต้มเพราะเป็นส่วนที่ขมมากที่สุดนั่นเอง
ทางด้านความมหัศจรรย์แห่งพลังผัก สีนั้น อาจารย์สง่าบอกว่าจะก่อให้เกิด มหัศจรรย์ดังนี้คือ
มหัศจรรย์ที่ 1 การกินผักผลไม้เป็นประจำ จะทำให้ คนคนนั้นเจ็บป่วยน้อย กว่าคนไม่กินผักผลไม้ หรือเมื่อเจ็บป่วยร่างกายจะฟื้นฟูหรือปรับสภาพได้เร็วกว่าคนไม่กินผัก
มหัศจรรย์ที่ ผักผลไม้มีวิตามินซี เบตาแคโรทีน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระไม่ให้เกิดมะเร็ง มะเร็งเกิดจาก เซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ พักผ่อนไม่พอ อารมณ์หงุดหงิด กินอาหารมันเกินไป ไม่เล่นกีฬา ไม่ออกกำลังกาย อนุมูลอิสระเมื่อเกิดขึ้นจะทำให้เซลล์ตายทำให้หนังเหี่ยวแก่เร็ว แต่ถ้าหนังไม่เหี่ยวไม่แก่ ก็จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง คนที่กินผักผลไม้เป็นประจำจึงมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนไม่กินผักและผลไม้
มหัศจรรย์ที่ 3 ผักและผลไม้มีไฟเบอร์หรือใยอาหาร มะเขือเทศ ผักสีส้ม ไม่ได้มีเพียงเบตาแคโรทีน แต่กินเข้าไปปุ๊บมีใยอาหาร ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายในน้ำมหัศจรรย์มาก มีวิตามินซี วิตามินเอ เบตาแคโรทีน และแคลเซียมจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และร่างกายนำไปใช้เดินเหินได้ กระดูกแข็งแรงขึ้น สามารถป้องกันโรค แต่มีอยู่ตัวหนึ่งในผักและผลไม้ที่ดูดซึมไม่ได้เลยคือไฟเบอร์ ใยอาหารตัวนี้จะมีน้ำหนัก เกาะตัวเป็นก้อน ไหลผ่านลำไส้ ผ่านกระเพาะ เพื่อดักจับไขมัน น้ำตาลและสารพิษทั้งหลายที่ติดเข้าไปกับอาหารที่กินเข้าไป และจะเก็บไว้บนลำไส้ใหญ่ รุ่งเช้า มาก็จะถ่ายออกไป
การที่เราจะเริ่มต้นปลูกผักสวนครัวง่ายๆ ด้วยตัวเอง ยิ่งพ่อแม่หาโอกาสชวนลูกปลูกผัก รดน้ำพรวนดินด้วยกัน เป็น
การปลูกฝังความคิดดีๆ แทนที่จะพาเดินเข้าห้างสรรพสินค้ากินฟาสต์ฟูดเพิ่มไขมัน
เมื่อพืชผักโตได้ที่ก็ช่วยกันมาปรุงอาหารทานด้วยกันภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมนูกะเพรา ไก่ ยำทูน่า แกงส้มดอกแคกุ้ง ล้วนมีคุณค่า ทางใจและร่างกายอย่างเต็มเปี่ยมทั้งสิ้น

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2309 30 มี.ค. - 02 เม.ย. 2551

นานๆน่ะ

อาหารหลัก5 หมู่

อาหารหลัก 5 หมู่ประกอบด้วย ภาพอาหารหลัก 5 หมู่ อาหารหลัก 5 s j
     อาหาร คือ สิ่งที่มีประโยชน์เมื่อร่างกายกินเข้าไปก็สามารถย่อย ดูดซึม และนำไปใช้ประโยชน์ได้ดังนั้นในวันหนึ่ง ๆ เราควรกิน อาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่
          หมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว
          หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน
          หมู่ที่ 3 ผักใบเขียวต่าง ๆ
          หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ
          หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน
อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อ นม ไข่ และถั่วต่าง ๆ
          อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วต่าง ๆ อาหารหมู่นี้ส่วนใหญ่จะให้โปรตีน ประโยชน์ที่สำคัญคือ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สึกหรอจากบาดแผล อุบัติเหตุ หรือจากการเจ็บป่วย

อาหารหมู่นี้จะถูกนำไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิงหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ
          อาหารในหมู่นี้ ได้แก่ นม ไข่ เนื้อ หมู วัว ตับ ปลา ไก่ และถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว หรือผลิภัณฑ์จากถั่ว เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ เป็นต้น
หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน

         หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน จะให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ และยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอีกด้วย พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวัน เช่น ใช้ในการเดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้

 อาหารที่สำคัญของหมู่นี้ ได้แก่ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากแป้ง เช่น ก๋วยเตี๋ยวรวมทั้งเผือก มันต่าง ๆ น้ำตาลที่ทำมาจากอ้อยและมาจากน้ำตาลมะพร้าว
อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่าง ๆ


          หมู่ที่ 3 อาหารหมู่นี้จะให้วิตามินและเกลือแร่แก่ร่างกาย ช่วยเสริมสร้างทำให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต้านทานเชื้อโรค และช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติอาหารที่สำคัญของหมู่นี้ คือ ผักต่าง ๆ เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาดและผักใบเขียวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่น ๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น
          นอกจากนั้นอาหารหมู่นี้จะมีกากอาหารที่ถูกขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระทำให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ
อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ
          อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ จะให้วิตามินและเกลือแร่ ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต้านทานโรค และมีกากอาหารช่วยทำให้การขับถ่ายของลำไส้เป็นปกติ

หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน
          หมู่ที่ 5 ไขมันและน้ำมัน จะให้สารอาหารประเภทไขมันมาก จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ร่างกายจะสะสมพลังงานที่ได้จากหมู่นี้ไว้ใต้ผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณสะโพก ต้นขา เป็นต้น ไขมันที่สะสมไว้เหล่านี้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และให้พลังงานที่สะสมไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็นระยะยาว

   อาหารที่สำคัญ ได้แก่ ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ไขมันที่ได้จากพืช เข่น กะทิมะพร้าว น้ำมันรำ น้ำนมถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม เป็นต้น นอกจากนั้นจะมีไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ด้วย
ข้อมูล : http://info.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=18&id=18487

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ บล็อก

บล็อกนี้เป็นบล็อกส่วนตัว ในการเรียน รายวิชาอินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ภาคเรียนที่ 1/2555